ฝากให้พี่อิฐหน่อยโทรฯไปยังไม่ตื่นแน่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
TOYO TRACK DAY AND DRIFT SCHOOL
ดริฟท์ ( DRIFT)
คือการขับรถที่ใช้ทักษะในการสไลด์ตัวรถไปบนผิวของสนามแข่งรถในลักษณะของการไถลไปกับพื้นถนน โดยล้อรถจะต้องมีการบิดตัวไปในทางตรงกันข้าม ซึ่งเป็นทักษะที่ผู้ขับขี่ต้องสามารถควบคุมรถด้วยความแม่นยำและสวยงามและเป็นธรรมชาติที่สุด การขับแข่งขันประเภท DRIFT ปัจจุบันมีการจัดการแข่งขันขึ้น เพื่อให้นักแข่งและผู้สนใจได้มีโอกาสในการเรียนรู้และแข่งขัน โดยมีการแบ่งการให้คะแนนตามลักษณะดังนี้
การให้คะแนนในรอบควอลิฟายด์ (Qualified) จะแบ่งการให้คะแนนโดยพิจารณาจากทักษะและลีลาของผู้ขับขี่ในแต่ละจุด โดยปกติจะตั้งให้คะแนนเป็น 100 คะแนนและแบ่งไปตามความสามารถของผู้ขับขี่ในแต่ละจุด เช่น ความเร็ว ความสวยงามในการสไลด์ การเข้าโค้งให้ชิด APEC หรือมุมในของโค้ง รวมถึงการสร้างสีสันในสนามเช่น การทำควันจากการปั่น ซึ่งเป็นการสร้างความสนุกให้กับผู้ชมอย่างหนึ่ง การควอลิฟายด์นี้ จะทำการขับครั้งละ 1 คัน เพื่อเรียงลำดับในการจัดหาคู่แข่งขัน และตัดให้เหลือเพียง 16 คัน เพื่อทำการแข่งแบบ Battle ต่อไป และการจับคู่เพื่อการแข่งแบบ Battle จะใช้การจับคู่แบบ อันดับที่ 1 จะไปเจอกับอันดับที่ 16 , อันดับที่ 2 จะไปเจอกับอันดับที่ 15 เมื่อได้อันดับจากการจัดหาคู่แล้ว ก็จะมาแข่งขันในลักษณะของ Battle ในลักษณะของ Battle จะแข่งทีละ 2 คัน โดยการสลับกันเป็นฝ่ายนำ ในการขับ Battle คันที่ตามต้องนำรถเข้าไปใกล้คันนำให้มากที่สุด แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องใช้ทักษะและความสามารถเหมือนกับรอบควอลิฟายด์เช่นกัน ส่วนการให้คะแนนของกรรมการในรอบ Battle นี้ กรรมการจะตั้งคะแนนไว้ที่ 10 คะแนน หากคู่แข่งขันดริฟท์ได้สวยงามและไม่เพลี่ยงพล้ำ คะแนนก็จะออกมาเป็น 5 ต่อ 5 แต่ถ้าหากใครดริฟท์ได้ดีกว่าตามสายตากรรมการ ก็จะได้คะแนนมากกว่าอีกผู้หนึ่ง แม้ว่าจะเป็นฝ่ายขับตามหลังก็ตาม อาจเป็น 6 ต่อ 4 หรือ 7 ต่อ 3 ซึ่งแล้วแต่ข้อผิดพลาดของแต่ละคันในแต่ละโค้ง แต่หากว่าผู้ตามสามารถแซงผู้นำได้ ก็จะเป็นผู้ชนะในรอบนั้นทันที ดังนั้น ผู้ขับนำจะต้องพยายามรักษาตำแหน่งของตนและหนีคู่แข่งให้ได้ไกลที่สุด และในขณะเดียวกันก็ต้องพยายามขับให้ได้ไลน์ตามที่สนามกำหนดด้วย
หลักการให้คะแนนของการแข่ง DRIFT
• ความเร็ว
• การสไลต์รถไปพร้อมกับโค้ง หรือ ให้มุมล้อหน้าของรถชิด A-PEC ( มุมโค้ง ) ให้ได้มากที่สุด
• ความสวยงามและความเป็นธรรมชาติในการขับขี่
• การเข้าใกล้คู่แข่งในรอบ Battle
• การให้ความสนุกสนานและสีสันกับผู้ชมและกรรมการ เช่น การปั่นควัน เป็นต้น
เมื่อทราบกฎกติกาและวิธีการให้คะแนนแล้ว ก็จะทำให้ท่านสามารถชมการแข่งขันได้อย่างมีอรรถรสมากยิ่งขึ้น และร่วมเป็นกรรมการตัดสินในสนามด้วยสายตาของท่านเองได้ด้วยเช่นกัน และถ้าหากท่านอยากลองดริฟท์ดูบ้าง ขอแนะนำว่าควรนำรถมาหัดที่สนามแข่ง และถ้าจะหัดอย่างถูกวิธี ควรมีอาจารย์ผู้สอนแนะนำในขั้นต้น เพื่อให้การขับขี่ของท่านเป็นไปอย่างถูกต้องตั้งแต่ครั้งแรก และไม่แนะนำให้ลองหัดในถนนหรือที่สาธารณะที่อาจจะไม่ปลอดภัยต่อตัวท่านและผู้อื่น เพราะอาจสร้างความรำคาญและทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายทั้งทรัพย์สินและร่างกายได้.
อยากจะดริฟท์ จะต้องเตรียมตัวอย่างไร
เพื่อที่จะฝึกฝนการดริฟท์ให้สนุก เรามาเรียนรู้กันก่อนว่า การจะขับดริฟท์ได้นั้น จะต้องเตรียมตัวกันอย่างไรบ้าง
1. รถที่จะใช้ฝึกดริฟท์ ควรเป็นรถสปอร์ตหรือรถเก๋งขับเคลื่อนล้อหลัง เกียร์ธรรมดา ติดตั้งระบบ Limited Slip ที่ล้อหลัง เพราะ ระบบ Limited Slip จะช่วยทำให้ล้อหลังหมุนไปในทางเดียวกัน กำลังเครื่องยนต์ต้องมีกำลังพอสมควร แรงบิดประมาณ 3,500-4,500 รอบ/นาที ส่วนแรงม้าควรมีประมาณ 200 แรงม้าขึ้นไป จะติดตั้งเทอร์โบหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับผู้ขับ เพราะหากกำลังแรงม้ายิ่งมาก การควบคุมก็จะยิ่งยากขึ้น ซึ่งเจ้าของผู้ฝึกเรียน จะต้องพิจารณาให้ดี
ส่วนล้อและยางรถยนต์นั้น ในช่วงเริ่มต้น ควรใช้ล้อมาตรฐานหรือกระทะล้อประมาณ 15-17 นิ้ว โดยจะเป็นล้อเหล็กหรือล้ออัลลอยด์ก็ได้ ซึ่งการเลือกใช้ขนาดกระทะล้อนั้น จะต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์กับกำลังของเครื่องยนต์ด้วย เพราะหากกำลังเครื่องน้อยแต่ใช้ล้อขนาดใหญ่ การส่งกำลังก็จะส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น การดริฟท์ก็จะกระทำได้ยากขึ้นตามไปด้วย ส่วนความกว้างของกระทะล้อนั้น ควรมีหน้ากว้างกระทะล้อประมาณ 6.0-6.5 นิ้ว ในล้อขนาด 15 นิ้ว และใช้ยางขนาด 195/60R15 เป็นอย่างต่ำ ส่วนในล้อขนาด 17 นิ้วขึ้นไป กระทะล้อควรมีหน้ากว้างไม่เกิน 7.0 นิ้ว และยางไม่ควรเกินขนาด 215/45R17 หากเกินกว่านั้นการดริฟท์ก็จะกระทำได้ยากขึ้น และในช่วงเริ่มต้น ควรจัดหายางเปอร์เซ็นต์ที่มีดอกเหลือพอสมควรและเนื้อยางไม่แข็งมากมาใช้ โดยเฉพาะในยางหลัง เพราะการดริฟท์จะสิ้นเปลืองยางที่ล้อหลังมากกว่าล้อหน้าหลายเท่าตัว และควรเตรียมล้อและยางสำรองไว้จำนวนหนึ่งพร้อมเครื่องมือในการถอดเปลี่ยน ข้อควรจำอีกประการหนึ่งคือ ล้อยิ่งใหญ่ขึ้นเท่าไหร่ ทำให้ต้องใช้ยางเส้นใหญ่ขึ้น และความสิ้นเปลืองก็จะมากขึ้นตามไปด้วย รวมถึงการหายางในการฝึกซ้อมก็จะหายากตามไปด้วยเช่นกัน
อุปกรณ์อีกชิ้นหนึ่งที่สำคัญคือเหล็กค้ำโช้ค (Strut Bar) เพราะเหล็กค้ำโช้ค เป็นตัวลดอาการบิดตัวของตัวถังรถ เนื่องจากการขับดริฟท์นั้น การเข้าโค้งในระดับความเร็วสูง จะเกิดการบิดตัวมากกว่าปกติ ณ บริเวณซุ้มล้อตรง ที่ยึดโช้ค ทำให้มุมของล้อเปลี่ยนไปและส่งผลต่อการทรงตัวของรถ ดังนั้น เหล็กค้ำโช้ค จะมีหน้าที่ต้านแรงบิดนี้ไม่ให้ส่งแรงไปถึงจุดยึดโช้ค ทำให้มุมล้อไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง การใส่เหล็กค้ำโช้ค ควรใส่ทั้งล้อหน้าและหลัง เพื่อรักษาสภาพรถให้ใช้ได้นานขึ้น
การตรวจเช็คสภาพเบรกก็มีส่วนสำคัญกับการฝึกซ้อมด้วยเช่นกัน ควรมีการตรวจเช็คระบบเบรกให้ทำงานได้อย่างเป็นปกติในทุกๆ จุด และต้องไม่มีจุดใดบกพร่องเป็นอันขาด ส่วนการตั้งเบรกมือนั้น ควรตั้งให้ตึงแต่พอดี ไม่ควรตั้งให้ตึงเกินไปจะทำให้ติดกับจานเบรก ซึ่งส่งผลให้ล้อหมุนยาก สิ้นเปลืองน้ำมันและผ้าเบรกอีกด้วย
2. ส่วนทางด้านการเตรียมร่างกายของผู้ซ้อมหรือผู้ขับขี่ ผู้ขับขี่จะต้องเป็นผู้มีร่างกายและสุขภาพที่แข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บที่จะส่งผลต่อการขับขี่รถยนต์ และอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ เรื่องของความปลอดภัย ผู้ฝึกฝนควรต้องมีการเตรียมตัวในเรื่องของความปลอดภัย อาทิเช่น การฝึกซ้อมขับขี่ ควรมีการสวมหมวกกันน๊อคและสวมรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าแข่งรถทุกครั้ง ส่วนทางด้านการแต่งตัว หากไม่ใช่การแข่งขันซึ่งต้องสวมชุดแข่งตามกติกาแล้ว ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดกุมแต่ไม่รุ่มร่าม มีความกระชับกับสัดส่วนร่างกายของผู้ขับขี่ตามสมควร และที่จะต้องเตรียมมาด้วยทุกครั้ง คือใจของผู้ขับขี่เอง เพราะการขับขี่รถแข่ง ใจของผู้ขับขี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
สนใจเรียนการขับขี่รถประเภทดริฟท์ สมัครเรียนได้ในงาน Toyo Track Day & Drift School อาทิตย์สุดท้ายของทุกเดือน ที่สนาม BRC หลังซีคอนสแควร์ หรือสอบถามที่ Toyo Hot Line
โทร. 0-2223-3442 ค่าสมัครเพียง 2500 บาท พร้อมอาหารกลางวันและอื่นๆ อีกมาก ชมรายละเอียดได้ที่ web site นี้
อันนี้แถมให้ น้ำลายไหลเลย
http://forums.club4ag.com/zerothread?id=10979