Deprecated: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in /home/aethail1/domains/aethailand.com/public_html/forum/Sources/Load.php(225) : runtime-created function on line 3
บริการ seo รับทำ seo ติดหน้าแรก google โดย CSLSEO
*ShoutBox
หน้า: [1]   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: บริการ seo รับทำ seo ติดหน้าแรก google โดย CSLSEO  (อ่าน 1018 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
LinePC001
Freshy
*


กำลังใจ: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 45


« เมื่อ: 14 กรกฎาคม 2021, 11:04:12 »

CSLSEO.com ให้บริการ seo รับทำ seo ติดอันดับกูเกิล
 
SEO สามตัวอักษรนี้ น่าจะเป็นคำที่หลายคนคุ้นเคยหรือรู้จักกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีเว็บไซต์ของตัวเองหรือรับทำเว็บไซต์ก็ตาม เพราะนอกจากจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้ยอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นได้แล้ว SEO ยังมีความสำคัญกับเว็บไซต์มากชนิดที่กล่าวได้ว่า ถ้าเว็บไซต์ไหนไม่มี หรือไม่ได้ทำ SEO ไว้ เว็บนั้นอาจต้องเตรียมปิดตัวลงในอีกไม่นานก็เป็นได้
 
SEO หรือ Search Engine Optimization คือ การพัฒนาเว็บไซต์ (ทั้งหมด) ให้มีความเหมาะสมในการติดอันดับการทำการค้นหาของเครื่องมือค้นหายอดนิยมอย่าง Google แต่การที่จะทำให้เว็บของเราไต่ขึ้นไปอยู่อันดับต้นๆ ในหน้าการทำการค้นหาหน้าแรกของ Google ได้นั้น มีความจำเป็นที่่จะอยากได้ปรับปรุงเว็บไซต์ในหลายๆ ส่วน ไม่ว่าจะเป็น Content (เนื้อหา), ความรวดเร็วในการโหลดหน้าเว็บ หรือแม้แต่โครงการของเว็บไซต์ ก็มีผลด้วยเช่นกัน
 
ก่อนอื่นลองจินตนาการตามนะครับว่า ถ้าสมมุติว่า คุณอยากไปเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่ และเข้าไปค้นหาข้อมูลบน Google โดยใช้คำว่า “ที่พักเชียงใหม่” ซึ่งเป็น Keyword ในการค้นหา ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาก็คือ รายชื่อของของเว็บไซต์ ที่มีความสัมพันธ์กับ Keyword ที่ใช้ค้นหาไป ที่นี้พอจะนึกภาพออกใช่ไหมครับว่า ถ้าเว็บของเรา ถูก Google นำไปเสนอเป็นข้อมูลในการทำการค้นหาลำดับต้นๆ ให้กับผู้ที่ค้นหา ก็จะยิ่งทำให้เว็บของเรามีจำนวนคนเข้าชมเว็บเพิ่มมากขึ้นด้วยนั้นเอง
 
อย่างที่ได้กล่าวไปรับ SEO สามารถช่วยเพิ่มปริมาณผู้เข้าชมเว็บไซต์ของเราให้มากขึ้นได้ ฉะนั้นเมื่อมีคนเข้ามาบนเว็บของเรามากเท่าไร โอกาสที่เราจะจำหน่ายของก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นมากเท่านั้น ถ้าไม่เชื่อ! ลองมองดูโลกของความจริงที่ว่า ถ้าหากเราเปิดร้านขายของในแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยม ที่มีผู้คนพลุกพล่าน ร้านค้าออนไลน์ของเรา ก็จะมีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมมากแค่ไหน และความน่าจะเป็นที่เราจะจำหน่ายผลิตภัณฑ์ได้ก็มีมากตามไปด้วย ซึ่งโลกของอินเทอร์เน็ตก็เช่นกัน ถ้าเว็บไซต์ของเราถูกจัดอันดับให้แสดงผลอยู่ในอันดับแรกๆ ของผลการค้นหา นั้นหมายถึง “ทำเลทอง” เพราะจะมีผู้เข้าชมคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ของเรามากมาย และความน่าจะเป็นที่จะเปลี่ยนให้ผู้เยี่ยมชมเหล่านั้นกลายเป็นลูกค้าก็มีมากตามไปด้วย
 
เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า การทำ SEO กับเว็บในยุคปัจจุบัน เป็นสิ่งที่สำคัญ และมีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่ง จนน่าจะเป็นสิ่งตัดขาดจากกันไม่ได้ซะแล้ว โดยเฉพาะคนที่ต้องการทำธุรกิจร้านค้าออนไลน์บนเว็บไซต์ด้วยแล้ว ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับ SEO เป็นอย่างยิ่ง เพราะสามารถทำให้ธุรกิจคุณดังและปังได้ทันทีในพริบตา
 
 
ในเมื่อก่อนร้านค้าออนไลน์ บริษัท หรือองค์กร มีเว็บไซต์เพื่อสร้างความน่าไว้วางใจเท่านั้น โดยไม่ได้คำนึงถึงการใช้ประโยชน์ของเว็บไซต์อย่างเต็มที่ ทำให้ไม่เกิดความคุ้มค่าในการลงทุนทำเว็บ แต่ในยุคนี้นี้ทุกๆ คนสามารถเข้าถึงเครือข่ายเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้อย่างแพร่หลาย ทุกที่ทุกเวลา ทำให้ร้านค้า บริษัทหรือหน่วยงานต่างๆ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการทำเว็บไซต์เพื่อเปิดวิถีทาง ทางการค้ามากขึ้น จึงทำให้ปัจจุบันมีเว็บไซต์เกิดขึ้นมากมาย การที่ทุกๆ คนจะจดจำ URL (Uniform Resource Locator) ของแต่ละเว็บนั้น ดูจะเป็นเรื่องที่ยากซะเหลือเกิน จึงจำเป็นต้องพึ่ง Search Engine เข้ามาช่วยในการสร้างความจดจำ และง่ายต่อการเข้าถึงเว็บไซต์
 
Search Engine คือ โปรแกรมที่ช่วยในการสืบค้นข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต โดยผู้ใช้จะต้องกรอกคำสำคัญ (Keyword) ในการทำการค้นหา จากนั้น Google Search จะแสดงผลการค้นหาออกมา เป็นเว็บหลายๆ เว็บไซต์ ที่มีความสัมพันธ์กับ Keyword นั้น นั่นก็มีความหมายว่า เว็บที่แสดงผลในอันดับต้นๆ ของ Google Search ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดทั่วโลกอย่าง Google ก็จะมีคนคลิกเข้าไปดูเว็บนั้นเป็นจำนวนไม่น้อย เมื่อมีคนเข้าชมเว็บไซต์เป็นจำนวนไม่น้อย จึงทำให้เกิดประโยชน์ตามมาเยอะแยะ เช่น การจำหน่ายสินค้าหรือบริการ การจำหน่ายโฆษณา การโปรโมทเว็บไซต์ เป็นต้น ในทางกลับกัน ถ้าคุณมีเว็บไซต์ แต่เว็บไซต์ของคุณไม่ได้แสดงผลอยู่ใน Google Search แล้วล่ะก็ เว็บไซต์ของคุณก็ไม่ต่างอะไรกับเว็บร้าง ที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ เลย ด้วยเหตุผลนี้เอง เว็บต่างๆ ย่อมอยากได้ให้เว็บของตัวเอง ติดอยู่ในอันดับแรกๆของ Search Engine จึงเป็นที่มาของการทำ SEO นั่นเอง
 
SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization หมายถึง การจัดทำหรือพัฒนาเว็บให้แสดงผลเป็นอันดับต้นๆ ของการทำการค้นหาใน Search Engine ใน Keyword ที่เหมาะสมและตรงตามจุดมุ่งหมายของเว็บ เพื่อให้อยู่ในระดับวิสัยทัศน์ และสามารถดึงดูดความสนใจจากลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
 
 
 
SEO คืออะไร? ดันเว็บไซต์ติดอันดับ Google ไม่ยากอย่างที่คิด
 
SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization คือกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ประเภทหนึ่งที่เน้นการปรับแต่งเว็บและ Content ต่าง ๆ ให้พึงพอใจระบบผลการค้นหาของ Google หรือที่เราเรียกกันว่า Search Engine (Google Search อื่นๆ นอกจาก Google เช่น Yahoo, Bing เป็นต้น)
 
เพื่อทำให้หน้าเว็บไซต์ธุรกิจของเราติดหน้าแรกของผลการค้นหา ส่งผลให้เพิ่มการมองเห็นแบบ Organic Traffic (ยอดเข้าชมเว็บโดยไม่มีค่าใช้จ่าย) เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น และประโยชน์อีกมากมายที่ธุรกิจคุณควรเริ่มทำ SEO ซึ่งข่าวดีของคนที่สนใจการทำ SEO คือ มันฟรี!! แต่จะต้องเข้าใจกันก่อนว่าการทำ SEO ให้ติดหน้าแรกนั้นต้องใช้เวลาระดับหนึ่ง
 
ซึ่งบางท่านอาจจะใช้เวลาถึง 6 เดือน หรือบางท่านก็ต้องใช้เวลาเป็นปี แต่รับรองว่าหากคุณได้พื้นที่อันดับ 1 มาครองบนหน้าผลการค้นหาของ Google ยอดขายของคุณจะสูงขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสม่ำเสมอ เพราะเป้าประสงค์ของการทำ SEO ไม่ใช่เพียงแค่ทำให้เว็บติดอันดับเท่านั้น แต่รวมถึงการรักษาอันดับให้คงไว้ที่เดิมและไม่ทำให้ตกอันดับ ถ้าหากเราหยุดทำ SEO เมื่อไหร่ก็มีความเป็นไปได้ว่าเว็บคู่แข่งของเราจะเข้ามาแทนที่
 
แล้ว SEO ที่เราพูดถึงนี้คืออะไรกันแน่ มีแนวทางการดำเนินงานอย่างไรบ้าง หากท่านอยากรู้ ทีม CSLSEO จะมาคุยให้ฟัง
 
 
ทำความรู้จัก Google Search เหตุผลที่หลายธุรกิจต้องการทำ SEO
 
เมื่อเราอยากจะทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จ เรามีความจำเป็นจะต้องรู้เสียก่อนว่า Search Engine มีการทำงานยังไง ซึ่งเป็นเหมือนปัจจัยหลักของกลยุทธ์การตลาดในครั้งนี้
 
หน้าที่หลักของ Google Search อย่าง Google คือการค้นหาข้อมูลที่มีอยู่มากมายก่ายกองบนโลกอินเตอร์เน็ตมาจัดเรียงลำดับความสอดคล้อง เพื่อทำให้ผู้ค้นหา (Searchers) เกิดความพอใจต่อการทำการค้นหามากที่สุด ส่วนมากแล้วคนที่จะเข้ามาใช้ Google Search นั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อต้องการหาผลลัพธ์ให้กับอะไรสักอย่าง โดยใช้เวลาในการค้นหาน้อยที่สุด จึงทำให้ความรวดเร็วของผลการค้นหา, ความเกี่ยวข้องของเนื้อหา, ประสบการณ์การใช้งาน และความน่าเชื่อถือ เป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อตอบสนองต่อความปรารถนาของยูสเซอร์
 
แล้ว Search Engine ใช้วิธีอะไรในการจัดเก็บข้อมูล และจัดเรียงอันดับเว็บ? เราสามารถแบ่งการดำเนินงานของ Search Engine ได้เป็น 3 วิธีการด้วยกัน คือ
 
1. Crawling (การเก็บข้อมูล): กระบวนการการทำการค้นหา ที่จะส่ง Bot (Crawler or Spider) ท่องไปตามหน้าเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อรวมข้อมูลตั้งแต่หน้าเว็บไซต์, URLs, หัวข้อ, บทความ, รูปภาพ , วิดีโอ และอื่นๆ จนทั่วเว็บ เมื่อสแกนเว็บไซต์หนึ่งจนเสร็จ ตัว Bot นี้จะทำการค้นหาลิงค์ต่าง ๆ ในหน้าเว็บที่เราได้ทำการเชื่อมต่อกับเว็บอื่นเอาไว้ และเข้าไปในเว็บไซต์นั้นเพื่อทำการสแกนต่อไปเรื่อย ๆ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Search Engine สามารถเก็บข้อมูลสดใหม่บนอินเทอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว
 
2. อินเด็กซ์ing (ทำดัชนี): หลังจากทำการสแกนข้อมูลเว็บไซต์จนเสร็จสิ้น ระบบจะทำการ อินเด็กซ์ing หรือการเก็บข้อมูลทั้งหมดไว้ในคลัง ซึ่งการ อินเด็กซ์ เปรียบเสมือนห้องสมุดที่รวบรวมเว็บไซต์ทั้งหมดไว้ในที่เดียว ทุกเว็บไซต์ที่ต้องการแสดงอยู่บนผลการค้นหา มีความจำเป็นจะต้องผ่านระบบการ อินเด็กซ์ing ของ Search Engine เสียก่อน
 
3. Ranking (ค้นหาและจัดอันดับ): สุดท้ายเมื่อผู้ค้นหาเริ่มทำการค้นหาข้อมูล Google Search จะทำการหาข้อมูลเว็บที่มีความเกี่ยวข้องมากที่สุด จากคลัง Index แล้วนำมาแสดงผลให้ผู้ค้นหาเห็นในหน้าผลการค้นหา ซึ่งอันดับที่เราเห็นในหน้าผลการค้นหาตอนเรา Search เราเรียกกันว่าการ Ranking ซึ่งปัจจัยในการจัดอันดับของ Google ประกอบด้วยหลายอย่างด้วยกัน เช่น Keyword, URLs, ความน่าไว้วางใจและ อื่นๆ
 
 
ความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ SEO ขั้นพื้นฐาน
เริ่มสร้างเว็บขึ้นหน้าแรก Google เพียง 4 วิธีการ
 
1. ค้นหา Keyword ที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ
 
เพื่อเชื่อมต่อการเข้าถึงระหว่างเว็บ และผู้ค้นหา เรามีความจำเป็นจะต้องมี “Keyword” (คีย์เวิร์ด) เป็นเหมือน GPS นำทางผู้ค้นหามาเจอเว็บของเรา หากเราสังเกตเมื่อเราใส่ คำ หรือวลี อะไรก็ตามลงในช่องการค้นหา เราจะเห็นหัวข้อที่มีคำเดียวกับการทำการค้นหาของเราเสมอ
 
แบบอย่างจากในภาพ เมื่อเราลอง Search คำว่า “SEO คืออะไร” ซึ่งก็คือ Keyword ของเรา หน้าผลการค้นหาของเราจะแสดงเนื้อหาที่มีความสอดคล้อง และเว็บที่มีโอกาสจะตอบสนองความอยากของเรามากที่สุด เว็บชั้นนำต่าง ๆ ที่แสดงอยู่หน้าแรกก็จะนำ Keyword (SEO คืออะไร) เข้าไปอยู่ในเนื้อหา และหัวข้อ (กรอบสีเขียว) เพื่อทำให้ Google เข้าใจว่า Content ของเรามีความสัมพันธ์กับสิ่งที่คนกำลังทำการค้นหา
 
ซึ่งหากจะพูดให้เข้าใจง่ายก็คือ Keyword เหมือนความประสงค์ของผู้ค้นหานั่นเอง ส่วนคนทำเนื้อหาหรือแบรนด์อย่างเราก็ต้องทำให้เว็บของเราตอบสนองความปรารถนา โดยการใช้ Keyword ด้วยเหตุนี้หากต้องการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรกของ Google การทำการค้นหา Keyword ที่มีประสิทธิผลจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
 
การทำการค้นหา Keyword เป็นเพียงขั้นตอนแรกของการทำ SEO เพื่อทำให้ยูสเซอร์สามารถเจอเว็บของเราได้ง่ายขึ้นเท่านั้น จนทำให้เกิดเป็น Organic Traffic
 
 
2. ปรับโครงสร้างเว็บไซต์ (Structure) เข้าใจง่ายทั้งผู้ใช้งานและ Google Search
 
ภายหลังเมื่อเราสามารถนำยูสเซอร์เข้ามาเว็บเราได้แล้ว เราต้องมั่นใจว่าเว็บของเรามีโครงสร้างที่ดีพอจะทำให้ผู้ค้นหาสนใจ และอยู่ในหน้านั้นๆ ต่อเป็นระยะเวลานาน เพราะ Organic Traffic ที่เข้ามาจะกลายเป็น High Quality Traffic (คงอยู่เว็บไซต์เป็นเวลานานจนสามารถเปลี่ยนเป็นยอดจัดจำหน่าย) หรือ Poor Quality Traffic (เข้ามาและกดออกจนทำให้เกิด Bounce Rate หรือไม่เกิดยอดขาย) จะขึ้นอยู่กับความน่าใช้งานของเว็บไซต์เรา
 
ทั้งนี้การออกแบบโครงสร้าง SEO เว็บที่ดีจะส่งเสริมให้ Search Engine Bot ทำงานได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะทำให้ระบบ Bot สามารถเข้าถึงและ Index ข้อมูลบนเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็ว โครงสร้างของเว็บจะเป็นเหมือนผู้นำทัวร์ให้ Bot ของ Google Search และ ผู้ค้นหาได้พบสิ่งที่อยากได้ได้อย่างสะดวก ส่งผลทำให้เกิด UX (User Experience) หรือประสบการณ์ในการใช้งานที่ดีต่อผู้ค้นหาเพิ่มขึ้น (UX เป็นปัจจัยหนึ่งที่สามารถทำให้ยูสเซอร์อยู่เว็บไซต์เรานานขึ้นและช่วยในเรื่อง Ranking)
 
หนึ่งแบบอย่างของการสร้างเว็บไซต์ SEO ที่ดีคือ การแบ่งหมวดหมู่และหัวข้อของ Content ต่างๆ อย่างชัดเจนเพื่อความง่ายต่อการทำการค้นหา ซึ่งจากรูปภาพด้านบนจะสังเกตได้ว่าเว็บนี้ มีหัวข้อใหญ่อยู่ด้านซ้ายมือ และเมื่อเข้ามาจะเจอกับหัวข้อย่อยต่างๆ ทำให้การทำการค้นหาคอนเทนต์ที่ต้องการสำหรับผู้ค้นหาสามารถทำตามได้ง่าย ทั้งนี้หากเราสามารถใส่ Keyword เข้าไปในแต่ละหัวข้อได้ ก็จะเป็นการเพิ่มประสิทธิผลการทำ SEO ของเรา แต่ Keyword นั้นจำเป็นต้องสอดคล้องกับเนื้อหาด้วย หากใส่ Keyword แล้วคำดูแปลก หรือดูเหมือนจงใจมากจนเกินพอดีจะส่งเสริมให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
 
นอกจากนั้น การสร้างเว็บที่มีประสิทธิผลยังมีวิธีที่หลากหลาย เช่น การเพิ่มความเร็วของเว็บ, การทำ Sitemap, การปรับ URLs เป็นต้น จำเอาไว้ว่าปัจจัยสำคัญที่เราควรคิดถึงอยู่สม่ำเสมอเมื่ออยากได้ทำ SEO เว็บนั้นก็คือ ประสบการณ์ที่ดีของยูสเซอร์ (User Experience)
 
 
3.  On-Page Optimization
 
การทำ On-Page Optimization คือการเพิ่มประสิทธิผล SEO ในหน้าโฮมเพจของเรา เพื่อเชื่อมั่นว่าหน้าเว็บไซต์นั้น ๆ สามารถไต่อันดับหน้าผลการค้นหาให้อยู่เหนือฝ่ายตรงข้ามในตลาดได้ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ Tittle Tag, Heading, Alt-Text สำหรับรูปภาพ และ Meta Description เป็นต้น ซึ่งส่วนสำคัญของการทำ On-Page Optimization ให้สำเร็จนั้นคือ คุณภาพคอนเทนต์ และ Keyword เช่นการเขียนบล็อก และปรับบทความเว็บให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อ SEO อย่างสูงสุด
 
เราสามารถเริ่มการทำ On-Page Optimization จากการปรับ Title Tag, Meta Description, Heading, Alt Text, URLs โดยการแทรกสอด Keyword เข้าไปในส่วนต่างๆ เป็นต้น
 
- Title Tag: หัวข้อคอนเทนต์ที่เราอยากได้ให้แสดงอยู่บนหน้าผลการค้นหาของ Google เราควรใช้เวลาในการคิดชื่อหัวข้อให้น่าสนใจ เพราะจะส่งเสริมให้เกิดปริมาณคลิกเข้าเว็บไซต์มากที่สุด
 
- Meta Description: คำบรรยายสั้นๆ เพียง 140 ตัวอักษรที่แสดงอยู่บนหน้าผลการค้นหาของ Google เป็นคำบรรยายเพิ่มจาก Title Tag ว่าหากผู้ค้นทำการคลิ๊กเข้ามาหน้าเว็บเขาจะเจอเนื้อหาแบบไหน Meta Description ควรเป็นบทความพูดถึงเหตุผลว่า ทำไมผู้ค้นหาควรจะเข้ามาเว็บไซต์ของเรามากกว่าเว็บคู่แข่ง
 
- Heading: หัวข้อต่างๆ บนหน้าเว็บเพจ ซึ่งแบ่งออกเป็น H1 - H6 ซึ่ง H1 แสดงถึงหัวข้อหลักของ Content เราควรมีหัวข้อหลักเพียงหนึ่งหัวข้อเท่านั้น เพื่อไม่ทำให้เกิดการงงงวยของยูสเซอร์และ Google Search Bots ส่วน H2-H6 แสดงถึงหัวข้อย่อยตามคิว
 
- Alt-Text: Keyword ที่เราสามารถแทรกสอดเข้าไปในรูปภาพ เพื่อเพิ่มโอกาสการค้นหา Keyword จากรูปภาพ เคยไม่เข้าใจไหมว่าหน้าผลการค้นหาแบบรูปภาพของ Google นำข้อมูลอะไรมาดูว่าแต่ละภาพ มีความสอดคล้องกับสิ่งที่เราทำการค้นหา คำตอบก็คือ Alt-Text หรือ Keyword ในรูปภาพนั่นเอง
 
- URLs: เราสามารถปรับลิงค์ URLs บนเว็บไซต์ให้มีความเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดได้จากการสอดแทรก Keyword ลงไปในส่วนด้านหลังชื่อ Domain หลัก
 
 
4. Off-Page Optimization
 
ในทางตรงกันข้าม Off-Page Optimization คือการเพิ่มประสิทธิผล SEO นอกเว็บ ซึ่งหมายถึงการที่มี Link ของเราจากเว็บไซต์อื่น ๆ อ้างอิงถึงเรา หรือพูดถึงเรา เหมือนหน้าร้าน ที่มีลูกค้าพึงพอใจผลิตภัณฑ์ของเรา พวกเขาก็จะบอกต่อให้ผู้อื่นได้รับรู้และแนะนำให้เข้ามาที่ร้านของเรา การทำ Off-Page Optimization จะอยู่ในแนวทางเดียวกัน ยิ่งมีเว็บข้างนอก Link เข้ามาหาเว็บของเรามากเท่าไหร่ ความน่าเชื่อถือที่ Google มีต่อเว็บไซต์ของเราจะมากขึ้นเท่านั้น
 
ปัจจัยหลักของการทำ Off-Page Optimization คือการสร้าง Link ที่มีประสิทธิภาพเชื่อมโยงกลับมาหาเว็บของเรา หรือที่เรากันว่า Backlink นั่นเอง
 
การทำ Backlink ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือการเขียน Content ที่มีประโยชน์สำหรับผู้ใช้งานมากจนเป็นที่พูดถึง และยูสเซอร์จะนำ Link ของเราไปอ้างอิงด้วยตนเอง ซึ่งวิธีนี้คือการทำ Backlink แบบธรรมชาติ แต่การจะส่งเสริมให้คอนเทนต์ของเราถูกบอกต่อในโลกที่มี Content อย่างมหาศาลในอินเตอร์เนต เป็นเรื่องที่ยากมากๆ หากเราไม่เจ๋งจริง
 
เพราะฉะนั้น เราสามารถเริ่มการสร้าง Backlink ได้จากการเขียนเนื้อหาลงบนเว็บบอร์ด หรือกระทู้ที่มีบทความสัมพันธ์กับเว็บไซต์ของเราและสร้าง Link กลับมาหาเว็บ อีกทั้งวิธีหนึ่งที่เราคงจะสนิทสนมกันดีคือ ช่องทาง Social Media ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Youtube, Twitter etc. แชร์คอนเทนต์ของเราผ่านวิถีทางเหล่านี้สามารถเพิ่ม Organic Traffic ได้เป็นอย่างดี
https://cslseo.com
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: