พระพุทธบาทสูงค่า เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ฐานผลิตอุตสาหกรรม เกษตรนำแหล่งท่องเที่ยว หนึ่งเดียวกกระหรี่พัพ นมดี ประเพณีตักบาตรดอกไม้งาม เหลืองอร่ามทุ่งทานตะวัน ลือลั่นเมืองชุมทาง
สถานที่เที่ยว :
มวกเหล็ก Family Adventure พระพุทธบาท สถานที่ตั้ง ตำบลขุนโขลน อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี
สิ่งดึงดูดใจ สำหรับพุทธศาสนิกชนการได้กราบไหว้รอยพระบาทของพระพุทธเจ้าถือ ว่าได้บุญยิ่ง นอกจากนั้นความงดงามในด้านสถาปัตยกรรมของพระมณฑป พิพิธภัณฑ์ แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ถ้ำสำคัญ เช่น ถ้ำประทุน เป็นต้น เป็นสถานที่น่าชมมาก
สิ่งอำนวยความสะดวกในพระพุทธบาทสระบุรี มีเจ้าหน้าที่ประจำมณฑปให้คำแนะนำ มีร้านจำหน่ายอาหารของที่ ระลึก มีสถานที่จอดรถ
เส้นทางสู่พระพุทธบาท จากสระบุรีไปทิศเหนือตามถนนหมายเลข ๑ (พหลโยธิน) ระยะทาง ๒๙ กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายตามถนนสายคู่ ๑ กิโลเมตร ก็จะถึงบริเวณพระพุทธบาท
หอวัฒนธรรมพื้นบ้านไทยวน รวมกลุ่มอนุรักษ์ หากใครได้ผ่านมาเมืองสระบุรีช่วงริมฝั่งแม่น้ำป่าสัก กิโลเมตรที่3 บนถนนสายสระบุรี - ปากบาง บ้านโตนด จะพบว่าเป็นที่ตั้งของ "หอวัฒนธรรมพื้นบ้าน ไทยวน สระบุรี" ก่อตั้งขึ้นโดย อาจารย์ทรงชัย วรรณกุล ผู้มีเชื้อสายไทยวนสระบุรี เดิมท่านเป็นอาจารย์โรงเรียนสระบุรีวิทยาคม ที่รับผิดชอบดูแลศูนย์วัฒนธรรมประจำจังหวัดสระบุรี ภายใต้ความร่วมมือกับสำนักงานวัฒนธรรมแห่งชาติ(สวช.) ปัจจุบันเป็นประธานชมรมไทยวน สระบุรี
หอวัฒนธรรมพื้นบ้าน ไทยวน สระบุรี แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2536 โดยได้มีการรวมตัวกันในกลุ่มของชาวไทยวน ตั้งเป็นชมรมขึ้น โดยมีอาจารย์ทรงชัย เป็นประธานชมรม เรียกว่า ชมรมไทยวน สระบุรี หน้าที่อันสำคัญยิ่งของหอวัฒนธรรมฯ คือ ทำการศึกษาประวัติความเป็นมา กำหนดวัตถุประสงค์เพื่อสืบสาวความเป็นมาประเพณีและ วัฒนธรรมอันดีงาม และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีในกลุ่มของชาวไทยวน การอนุรักษ์ที่เห็นเด่นชัดที่สุดก็คือ ในเรื่องของภาษาพื้นเมืองของชาวไทยวน ที่มีสำเนียงทางเหนือ ที่คนเมืองเหนือฟังอาจจะบอกว่า คล้ายชาวแพร่บ้าง เชียงรายบ้าง เชียงแสนบ้าง หอวัฒนธรรมพื้นบ้านไทยวน สระบุรี เป็นหมู่เรือนไทยโบราณที่หาชมได้ยากยิ่งในปัจจุบัน เป็นสถานที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ของวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาติพันธุ์ไทยวน ใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรม จัดประชุมสัมมนาจัดเลี้ยงแบบวัฒนธรรมทางล้านนา ไม่ว่าจะเป็นการกินแบบขันโตกไม่ต้องไปไกลถึงล้านนามาสระบุรีก็กินได้ และยังมีการฝึกอบรมเยาวชนให้เรียนรู้ศิลปะการแสดง ภูมิปัญญาพื้นบ้านชาวไทยวน เช่น การฟ้อน การตัดกระดาษ การทำอาหาร งานใบตอง
น้ำตกโกรกอีดกสถานที่ตั้ง : น้ำตกโกรกอีดก อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตั้งอยู่ที่บ้านแก่งเสือเต้น ตำบลหนองบัว เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เป็นชื่อที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้กับเขื่อนแห่งนี้ สร้างภายใต้โครงการพัฒนาลุ่มแม่น้ำป่าสัก อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นเขื่อนแกนดินเหนียวที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาว 4,860 เมตร ความสูงที่จุดสูงสุด 36.50 เมตร จุดเด่นที่น่าสนใจภายในเขื่อน ได้แก่ จุดชมวิวสันเขื่อน พิพิธภัณฑ์ลุ่มน้ำป่าสัก ซึ่งแสดงความรู้ด้านธรรมชาติ และวัฒนธรรม เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ได้ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2542
น้ำตกโกรกอีดกและน้ำตกเจ็ดคต อ. แก่งคอย จ. สระบุรี อ.แก่งคอย จังหวัดสระบุรี ห่างจากกรุงเทพฯ เพียงร้อยกว่ากิโลเมตรเท่านั้นเอง แม้แต่คนสระบุรีเองเห็นภาพแล้วยังไม่เชื่อว่าที่อำเภอแก่งคอยจะมีน้ำตกใหญ่อย่างนี้ สภาพพื้นที่ของอำเภอแก่งคอย ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบทำนาข้าวและมีสวนผลไม้บ้างในบางพื้นที่ แล้วมีน้ำตกใหญ่ได้อย่างไร อย่าลืมว่าสระบุรีมีพื้นที่ติดกับเขาใหญ่ ลำน้ำเขาใหญ่ส่วนหนึ่งไหลลงสู่ที่ราบที่จังหวัดปราจีนบุรีและที่นครนายก สายน้ำทางด้านทิศใต้ของเขาใหญ่ไหลลงสู่ที่ราบในเขตพื้นที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ลำน้ำสายนี้ไหลผ่านไปยังมวกเหล็กลดระดับเกิดเป็นน้ำตกมวกเหล็ก น้ำตกเจ็ดสาวน้อย และน้ำตกขนาดเล็กอีกหลายจุดที่ปลายน้ำ ที่ชายขอบของเขาใหญ่สายน้ำได้เปลี่ยนระดับอย่างฉับพลันตกมาจากหน้าผาสูงชันเกิดเป็นน้ำโกรกอีดกที่สูงและสวยงาม อีกทั้งสภาพป่าบริเวณนั้นยังคงเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ ระหว่างเส้นทางที่เดินยังพบเห็นร่องรอยของหมีที่ทิ้งตามต้นไม้ให้เห็นอยู่หลายจุด อีกทั้งยังมีสัตว์ป่าอีกหลายชนิดทั้งเก้ง หมู่ป่า ชะนี ฯลฯ
น้ำตกแบ่งเป็น 3 ชั้น ความสูงโดยรวม 350 เมตร แต่เราสามารถชมได้เพียงชั้นล่างสุดเท่านั้น ทางขึ้นชั้นถัดไปเป็นหน้าผาสูงชันปีนป่ายขึ้นลำบากและอันตราย ความสวยงามเต็มๆ ของน้ำตกโกรกอีดกสามารถชมได้จากทางอากาศ น้ำตกโกรกอีดกถูกพบโดยบังเอิญขณะที่ พณ. ปองพล อดิเรกสาร นั่ง ฮ. ผ่านไปยังสระบุรีได้สังเกตเห็นน้ำตกขนาดใหญ่อยู่ลึกเข้าไปในป่า หลังจากนั้นจึงจัดคณะสำรวจออกค้นหาโดยเดินตัดเข้าป่าแล้วเดินย้อนขึ้นไปตามลำน้ำจนไปสุดทางที่น้ำตกใหญ่แห่งนี้ ผมได้มีโอกาสไปเยือนน้ำตกนี้เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เมื่อเห็นแล้วก็ทึ่งในความยิ่งใหญ่และสวยงาม หลังจากนั้นก็ได้นำภาพมานำเสนอทางเวบไซด์ ชื่อของน้ำตกโกรกอีดกจึงเริ่มคุ้นหูและคุ้นตามากขึ้นเริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้าไปมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เมื่อครั้งแรกที่ไปเยือน ผมประทับใจในความสวยงามของเส้นทางเดินสู่น้ำตกโกรกอีดก ระหว่างเส้นทางมีดอกลิ้นมังกรสีส้มออกดอกเป็นกลุ่มๆ อยู่บริเวณลานหิน สวยงามมาก อีก 2 ปีถัดมากอดอกลิ้นมังกรเหล่านั้นหายไปหมดแล้ว อ่านมาถึงจุดนี้ก็อยากจะขอสักนิด หากท่านได้รู้จักน้ำตกโกรกอีดกครั้งแรกจากเวบแห่งนี้ และเกิดแรงดลบันดาลใจให้ไปเพราะข้อมูลจากเวบนี้ หากท่านไปเยือนขอความกรุณาไปแบบอนุรักษ์ อย่าเก็บพืชพรรณในป่าออกมา อย่าทิ้งขยะไว้ตามเส้นทางเดิน ถึงแม้แหล่งท่องเที่ยวจุดนี้จะมีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวกันน้อย แต่ขยะมีทิ้งไว้มิใช่น้อย เราเที่ยวกันแบบยั่งยืนคือเที่ยวได้ตลอดกาลนานถึงรุ่นลูกรุ่นหลานโดยธรรมชาติไม่พังเพราะคนรุ่นเราน้ำตกโกรกอีดก อยู่ในพื้นที่การดูแลของศูนย์ศึกษาธรรมชาติเจ็ดคต-โป่งก้อนเส้า การเดินทางไปเข้าน้ำตกโกรกอีดกเป็นเส้นทางเดินป่าขึ้นเขาเข้าป่าลึกซึ่งไม่มีเส้นทางเด่นชัดดังนั้นการเข้าไปเที่ยวชมน้ำตกควรติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ศูยน์เจ็ดคตให้นำทางเข้าไป จ่ายค่าตอบแทนเพียงเล็กน้อยแลกกับความสบายใจและปลอดภัยในการท่องเที่ยว สภาพเส้นทางเป็นธรรมชาติมากๆ จะต้องผ่านป่าผ่านลำธารหลายจุด ทรายริมลำธารเป็นโป่งผีเสื้อ ปกติจะมีฝูงผีเสื้อลงที่โป่งให้เห็นประจำ เห็ดต่างๆ ก็เยอะ มอส เฟิร์น และพืชพรรณในป่าฝนมีมากมาย เห็นแล้วสบายตาสบายใจรับรองว่าเห็นแล้วจะต้องชอบ แต่เส้นทางเดินสู่น้ำตกไม่ใช่ทางสบายๆ ต้องเดินขึ้นเขาลงห้วย ขึ้นทางชัน ปีนผ่านป่าไผ่ กว่าจะถึงก็เหนื่อยเอาการ ดังนั้นหากคิดจะไปควรเตรียมความพร้อมของร่างกายด้วยนะครับ
การเดินทาง จากกรุงเทพฯ มุ่งสู่จังหวัดสระบุรี ถึงสระบุรีเลี้ยวขวาไปตามถนนมิตรภาพ มุ่งหน้าไปทางมวกเหล็ก ก่อนถึงมวกเหล็กบริเวณโรงงานฟูรูกาวาก่อนถึงทับกวางจะมีป้ายบอกเส้นทางไปศูนย์ศึกษาธรรมชาติเจ็ดคต-โป่งก้อนเส้า เป็นเส้นทางแยกขวาจะต้องไป U-turn กลับรถแล้วขับไปตามเส้นทางที่มีป้ายบอก ไปไม่ยากมีเส้นทางหลักทางเดียว สภาพเส้นทางเป็นทางลาดยางอย่างดีขับสบาย ระยะทางประมาณ 26 กม.
แหล่งท่องเที่ยวบริเวณศูนย์ศึกษาธรรมชาติเจ็ดคต-โป่งก้อนเส้า มีลานกางเต็นท์ริมอ่างเก็บน้ำบรรยากาศดีน่าตั้งแค้มป์พักแรมสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติใช้ชีวิตแบบนอนกางดินกินกลางทราย สำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายก็ไม่มีปัญหาเพราะที่นี่มีบ้านพักบรรยากาศดีไว้บริการแก่นักท่องเที่ยว
จากศูนย์ฯ มีเส้นทางเดินเท้าเข้าไปเที่ยวชมน้ำตกเจ็ดคต ประกอบด้วยน้ำตกหลายสายอันประกอบไปด้วยน้ำตกเจ็ดคตเหนือ น้ำตกเจ็ดคตใต้ และน้ำตกเล็กๆ อีกหลายจุดล้วนมีธรรมชาติที่สวยงามน่าไปเยี่ยมชม แต่ก่อนเคยมีกิจกรรมนั่งช้างเที่ยวธรรมชาติ ค่านั่งช้างคนละ 150 บาท ช้างจะพาเดินเข้าสู่ป่าไปชมธรรมชาติและน้ำตก แต่กิจกรรมนี้ไปไม่รอดจึงต้องยกเลิกไปเพราะไม่มีค่อยจะมีนักท่องเที่ยว ก็จะมีได้ยังไงในเมื่อชื่อยังไม่ค่อยได้ยินเลย ตอนนี้พอรู้จักกันแล้วก็ลองแวะไปเที่ยวกัน แค่สระบุรีร้อยกว่ากิโลเสียค่าน้ำมันนิดหน่อยแลกกับธรรมชาติป่าเขาน้ำตกสวยๆ ที่จะได้พบเห็นถือว่าคุ้มสุดคุ้ม แต่ถ้าจะไปกับคณะทัวร์ดอยก็ต้องคอยฟังข่าวว่าเมื่อไรจะจัดไป ปกติจะจัดไปปีละครั้งไม่ได้จัดในเชิงธุรกิจแต่จัดแบบว่าอยากไปเที่ยว
ช่วงเวลาที่เหมาะสมโกรกอีดกมีน้ำตลอดทั้งปีแต่จะสวยมากในช่วงฤดูฝนเพราะปริมาณน้ำจะไหลเต็มหน้าผา มีน้ำตกครบทุกสาย ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือ มิถุนายน- กันยายน ไปช่วงต้นฤดูฝนจะสวยกว่าเพราะพืชพรรณในป่าฝนเริ่มออก มีทั้งมอส เฟิร์น และเห็ดสวยงามมีให้ชม เห็ดแชมเปญสีชมพูสวยๆ ก็มี ผีเสื้อก็เยอะ
สวนพฤกษศาสตร์(พุแค) ประวัติความเป็นมา สวนพฤกษศาสตร์ภาคกลาง (พุแค) เดิมได้รับการขนานนามจากประชาชนในจังหวัดสระบุรีและจังหวัดสระบุรีว่า "สวนสวรรค์" เพราะเป็นสถานที่ที่มีดอกไม้ป่าสวยงาม ออกดอกบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมอบอวล เหมือนนิยายโบราณที่มีเทพบุตรและนางอัปสรมาร่ายรำเก็บดอกไม้และผลไม้ในป่า ชื่นชมดอกไม้นานาชนิด กรมป่าไม้ได้เข้ามาดำเนินการจัดตั้งสวนสวรรค์ให้เป็นสวนพฤกษศาสตร์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2484 โดยได้ดัดแปลงสภาพพื้นที่เดิมที่มีสภาพเป็นป่าดิบแล้ง มีพรรณไม้พื้นล่างเต็มไปด้วยหนาม เถาวัลย์ ให้เป็นสถานที่สำหรับปลูกรวบรวมพรรณไม้นานาชนิด ทั้งที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศ และต่างประเทศ อย่างเป็นหมวดหมู่ แต่การดำเนินงานในระยะแรกยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จวบจนถึงปี พ.ศ.2492 จึงได้รับการจัดสรรงบประมาณมาดำเนินการเป็นปีแรก และได้ทำพิธีเปิดสวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้อย่างเป็นทางการในวันที่ 18 กันยายน พ.ศ.2493 ซึ่งเป็นวันสถาปนากรมป่าไม้ครบรอบปีที่ 54 ถือได้ว่าเป็นสวนพฤกษศาสตร์แห่งแรกของประเทศ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้เคยเสด็จพระราชดำเนิน และทรงปลูกต้นรัง (Shorea siamensis Miq.) ไว้เมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ.2511 ปัจจุบันต้นรังที่ทรงปลูกไว้เจริญเติบโตผลิดอกออกผลสมบูรณ์ดี นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ได้พระราชทาน "ต้นไม้ของพ่อ" ไว้เป็นศิริมงคลยิ่งแก่สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้
ที่ตั้ง ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าพระพุทธบาท - พุแค ต.พุแค อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี ริมถนนพหลโยธิน สายกรุงเทพฯ - ลพบุรี ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 124 กม. มีพื้นที่ประมาณ 5,051 ไร่
วัตถุประสงค์ 1 . เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมตัวอย่างพืชทุกชนิดทั้งที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศ และต่างประเทศ ไว้อย่างเป็นหมวดหมู่สำหรับศึกษาค้นคว้าวิจัยทางด้านพฤกษศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพืช
2 . เพื่อเป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุกรรมพืช ที่มีคุณค่าหายากและใกล้จะสูญพันธุ์ ให้สามารถเจริญเติบโตและแพร่ขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนได้มากขึ้น
3 . เพื่อเป็นสถานที่ปลูกรวบรวมพรรณไม้ที่มีคุณค่าและความสำคัญในด้านต่าง ๆ เช่น พืชสมุนไพร พืชให้สี พืชมีพิษ ฯลฯ เพื่อศึกษาค้นคว้าวิจัย และนำมาใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสม
4 . เพื่อเป็นสถานที่สำหรับศึกษาสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป เพื่อให้เกิดจิตสำนึกและเห็นคุณค่าความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติ ิและสิ่งแวดล้อม
5 . เพื่อเป็นแหล่งเผยแพร่และให้บริการความรู้ในด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับพืช
6 . เพื่อเป็นสถานที่สำหรับ พักผ่อนหย่อนใจ
เสาร้องไห้
เสาร้องไห้ เป็นเสาไม้ใหญ่ ตั้งอยู่ที่ศาลเจ้าแม่นางตะเคียนในวัดสูง ตำบลเสาไห้ มีประชาชนไปเคารพบูชากันมาก โดยถือกันว่าเป็น เจ้าแม่ สิ่งของที่นำไปบูชาล้วนเป็นของใช้สตรีทั้งสิ้น มีประวัติเล่าสืบต่อกันมาว่า เมื่อครั้งสร้างกรุงเทพฯ เป็นราชธานี ได้มีการประกาศให้หัวเมืองต่าง ๆ คัดเลือกเอาเสาไม้ที่มีลักษณะงดงามเพื่อจัดเป็นเสาเอก เมืองสระบุรีได้ส่งเสาไม้ ตะเคียนทองขนาดใหญ่ต้นหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะงดงามมาก ล่องตามแม่น้ำป่าสัก แต่มาช้าไปเล็กน้อย ได้มีการคัดเลือก ไปแล้ว จังได้เป็นเสารอง เป็นที่คาดกันว่าถ้าเสาต้นนี้มาทันต้องได้เป็ฯเสาเอกอย่างแน่นอน เพราะมีลักษณะใหญ่ และ สวยงามมาก เสาต้นนี้จึงเสียใจลอยทวนน้ำจากกรุงเทพฯ ขึ้นมาและจมอยู่ ตำบลนี้ประมาณ 100 กว่าปี ตอนกลางคืน ชาวบ้านจะได้ยินเสียงรอ้งไห้ เมื่อ พ.ศ. 2501 ชาวบ้านได้งมเสาขึ้นมาจากน้ำโดยนำไปไว้ที่ศาลในวัดสูงและจัดให้มีงาน สมโภชในวันที่ 23 เมษายน ของทุกปี นอกจากนี้ในศาลเจ้าแม่นางตะเคียนยังมีระฆังหินชิ้นใหญ่ที่ขุดพบที่อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยจัดแขวนไว้เพื่อให้สาธุชนเคาะแผ่บุญกุศล
***หมายเหตุเดี๋ยวมีมา Update เรื่อยๆครับ