โรคเก๊าท์ อาการของโรคเก๊าท์ สาเหตุของการคือโรคเก๊าท์“
โรคเก๊าท์” คืออาการผิดโดยปกติของกายอันเนื่องมาจากการทานอาหารชนิดอิ่มหมีพีมันเกินไป รับประทานดีอยู่ดีเกินไป พร้อมทั้งไม่ค่อยไม่ออกกำลังเรือนร่าง ส่วนใหญ่ต้องจะก็จะเกิดกับสุภาพบุรุษในวัยประมาณ 40 ปี แต่ถ้าเกิดในหญิงย่อมจะก็จะเจอในผู้หญิงวัยจบสิ้นประจำเดือนแล้ว
โรคเก๊าท์ เกิดจากภาวะที่กรดยูริคในเลือดมีจำนวนสูงเกินไป เกินกว่าที่จะคงจะสามารถอยู่ในเลือดในรูปสารละลายได้ จึงมีการตกตะกอนสะสมอยู่ตามที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะในที่ที่มีอากาศเย็นกว่าอาณาเขตอื่น ได้แก่ ตามข้อ ส่งผลให้ข้ออักเสบ หรือว่า ตามศอก นิ้ว ติ่งหู ตาตุ่ม หลังเท้าช่วยให้เกิดปุ้มก้อนเกิดขึ้น
อาการของโรคมีอาการปวด บวม แดง ร้อนตามข้อ พร้อมด้วยเจ็บ คงจะรุนแรงจนถึงกับเดินไม่ได้ก็มี อาการนี้จะจะคือ ๆ หาย ๆ จะอาจจะทิ้งช่วงระยะเวลาเป็นอาทิตย์ เป็นเดือน หรือคือปีก็ได้ ซึ่งอาการปวดก็จะจะอาจจะเป็นข้อเดียวหรือหลายข้อพร้อมกันก็ได้ ข้อที่คือบ่อย เช่นว่า ข้อเท้า ข้อหัวแม่เท้าหรือหัวข้อเข่า นอกจากอาการปวดตามข้อแล้วจะมีอาการของนิ่วในทางเดินปัสสาวะได้ตัวอย่างเช่นกัน
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยที่แน่นอนได้จากการตรวจพบผลึกยูเรตในน้ำไขข้อจากข้อที่มีการอักเสบ การตรวจพบผลึกยูเรตจาก้อนโทฟัสหรือการมีระดับกรดยูริคในเลือดสูงในขณะที่มีข้ออักเสบ อาจจะช่วยส่งเสริมการวินิจฉัยว่าข้ออักเสบนั้นเกิดจาก
โรคเก๊าท์ แต่ไม่เสมอไป ผู้ป่วยจะมีโรคข้ออักเสบชนิดอื่น ตัวอย่างเช่น การติดเชื้อในข้อร่วมกับการมีกรดยูริคในเลือดสูงจากสาเหตุต่างๆนาๆ เช่น จากยาบางประเภทหรือจากภาวะไตบกพร่องได้โดยที่มิได้คือโรคเก๊าท์ ในบางรายหมออาจจำเป็นจะต้องตรวจปัสสาวะตลอดทั้งวัน สำหรับดูโควตาการขับกรดยูริคออกทางไต ซึ่งจะคงจะช่วยวิเคราะห์การใช้ยาเก็บโรค
อาหารที่มีกรดยูริก กระตุ้นโรคเก๊าท์อาหารจำพวก เครื่องในสัตว์ปีก, ปลาอินทรีย์, ถั่วแดง, ถั่วดำ, ผักชะอม, หน่อไม้, ผักสไตล์ยอดๆของพืชเกือบทุกรูปแบบ สรุปอีกข้อได้ว่าโรคเก๊าท์ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการทานอาหารของผู้คนผมด้วย
เคล็ดลับป้องกันโรคเก๊าท์
เมื่อทราบว่าเป็นเก๊าท์แล้ว จะต้องระมัดระวังอย่าให้เก๊าท์กำเริบได้ ระวังโดยการประเมินก่อนทานอาหารหรืออื่ม หลีกเลี่ยงอาหารที่มีกรดยูริกดังกล่าวข้างต้น พร้อมกับสิ่งสำคัญเครื่องดื่มจำพวกเหล้า หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮลควรหลีกเหลี่ยง เพราะจะจะกระตุ้นกรดยูริกในเลือดสูงขึ้น
ขั้นตอนรักษาโรคเก๊าท์
พบแพทย์ สำหรับรับยาแก้การอักเสบของข้อ (แต่ยานี้กัดกระเพาะ ควรปรึกษาหมอก่อนใช้) การฉีดยาเข้าข้อ คืออีกวิธีที่แพทย์ใช้รักษาผู้ป่วยเป็นเก๊าท์
โรคเก๊าท์มีเคล็ดลับวินิจฉัยอย่างไร
การวินิจฉัยที่แน่นอนที่สุดสำหรับโรคนี้ คือการตรวจพบผลึกของเกลือยูเรตจากน้ำไขข้อซึ่งได้มาจากการเจาะตรวจน้ำไขข้อขณะที่มีการอักเสบ(รูปที่ 3)
หรือไม่จากปุ่มก้อนโทฟัสซึ่งได้มาจากการใช้ปลายเข็มสะกิดมาตรวจ แต่ในกรณีที่ไม่มีโอกาสได้ตรวจอีกด้วยยุทธวิธีข้างต้น แพทย์จะจะประเมินจากประวัติของผู้ป่วย
การตรวจกาย และผลเลือดมาประกอบกันในการวินิจฉัยโรค
ยาที่ใช้ในการเก็บโรคเก๊าท์แบ่งออกเป็นสามสไตล์
• ยาประเภทแรกเป็นยาแก้ปวดพร้อมทั้งลดการอักเสบของข้อซึ่งจะอาจใช้คือครั้งคราวเป็นระยะเวลาสั้น ๆ เมื่อมีการกำเริบของโรค ยากลุ่มนี้ไม่ได้ช่วยให้โรคเก๊าท์ดีขึ้นไป
ในระยะยาว
• ยารูปแบบที่สองเป็นยาป้องกันโรคเก๊าท์กำเริบ แพทย์มักจะน่าจะสั่งให้รับประทานในขนาดน้อย ๆ ต่อเนื่องไปตลอดจนกว่าข้ออักเสบจะก็จะไม่กำเริบ ปุ่มก้อนโทฟัสยุบหายไป
พร้อมด้วยระดับกรดยูริคในเลือดอยู่ในมาตรฐานที่คู่ควรติดต่อกันอย่างน้อย 6 เดือน
• ยาแนวที่สามเป็นยาลดกรดยูริค มีสองสไตล์ให้พิจารณา คือ ยาลดการสร้างกรดยูริค พร้อมด้วยยาขับกรดยูริคออกทางปัสสาวะ แพทย์จะคงจะเลือกวิเคราะห์ให้ตามความคู่ควร ซึ่งผู้ป่วยจะอาจจะต้องทานอาหารอย่างต่อเนื่องคือระยะเวลาเป็นเวลานานจึงจะก็จะช่วยให้โรคเก๊าท์รักษาหายขาดได้ รวมทั้งลดการถูกทำลายของข้อในระยะยาว
ทั้งนี้แพทย์จะปรับเปลี่ยนแปลงรูปแบบพร้อมทั้งแผนการให้ยาทั้งสามสไตล์ให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย นอกจากนี้ยังมีโรคอื่น ๆ ที่อาจจะเจอร่วมด้วยในผู้ป่วยโรคเก๊าท์ อาทิเช่น โรคอ้วน, โรคความดันโลหิตสูง,
การรักษาโรคเบาหวาน , โรคไขมันในเลือดสูง โรคนิ่วในไตพร้อมด้วยโรคไตวายเรื้อรัง ซึ่งควรได้รับการเฝ้าระวังพร้อมด้วยตรวจติดตามไปพร้อมกัน
โรคเก๊าท์รักษาให้หายขาดได้หรือว่าไม่
โรคเก๊าท์เป็นโรคที่สามารถเก็บให้หายขาดได้ คือไม่มีการอักเสบของข้อซ้ำอีก เพียงแต่ผู้ป่วยจะจะย่อมหยุดสุราให้ได้ ทานอาหารยาที่แพทย์สั่งอย่างต่อเนื่อง และมาตรวจตามนัดสม่ำเสมอ ในการมาตรวจแต่ละครั้งแพทย์จะคงจะตรวจเลือดเพื่อจะติดตามระดับกรดยูริคในเลือดสำหรับช่วยในการปรับยาลดกรดยูริค ประกอบทั้งเฝ้าระวังผลข้างเคียงจากยา
พร้อมกับโรคร่วมอื่น ๆ อีกด้วย
ถ้าเก็บโรคเก๊าท์ไม่ถูกย่อมจะก็จะเป็นอย่างไร มีการกำเริบของโรคบ่อยขึ้นไป ช่วยให้มีโอกาสที่มักใช้ยาแก้ปวดบ่อยขึ้นไป ซึ่งยาในกลุ่มนี้หากใช้อย่างไม่ถูกมักจะมีผลเสียต่อไตพร้อมทั้งตับได้ หรือเปล่าบางรายเกิดแผลในกระเพาะทะลุ อาเจียนคือเลือดมักมานอนรพ. นอกจากนี้โรคก็จะเป็นรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิดความพิการทางข้อ ส่งผลกระทบต่อภาวะทางเศรษฐกิจและชุมชนของผู้ป่วย
อ้างอิงจาก
http://www.jomgan.com/โรคเก๊าท์.html